นอสตร้า โลจิสติกส์ แนะ 4 เทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ต้องจับตาในปี 2024
ชี้เทรนด์มาแรง เอไอ-คลาวด์-การลดคาร์บอนและ Asset-Light Logistics
นอสตร้า โลจิสติกส์ ผู้ให้บริการโซลูชันและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีด้านการขนส่งอัจฉริยะ (Intelligence Transportation Platform) สำหรับงานโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ชวนจับตา 4 เทรนด์เทคโนโลยีมาแรงในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ประจำปี 2024 นี้ ย้ำการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยี คือ แนวทางจำเป็นของธุรกิจ ซึ่งเทคโนโลยีสำคัญ ได้แก่ เทคโนโลยี AI, การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์, การจัดการโลจิสติกส์แบบ Asset-Light Logistics และเทคโนโลยีคลาวด์ เผยรูปแบบระบบนิเวศทางโลจิสติกส์และซัพพลายเชนมีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้นหลังยุคการระบาดของโควิด-19 ชี้แนวโน้มธุรกิจโลจิสติกส์เดินหน้าลดต้นทุนเพิ่มประสิทธิภาพในคลังสินค้าและเครือข่ายการขนส่ง นอสตร้า โลจิสติกส์ พร้อมเสนอโซลูชันใหม่ ตอบโจทย์ความต้องการผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์ทั้งระบบนิเวศแบบครบวงจร เพื่อเติมเต็มช่องว่างสำหรับการบริหารจัดการงานด้านขนส่งโลจิสติกส์
นางวรินทร สีสุขดี ผู้อำนวยการอาวุโสส่วนซัพพลายเชนโซลูชัน-เทคโนโลยี บริษัท จีไอเอส จำกัด เปิดเผยภาพรวมสถานการณ์ของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโลจิสติกส์มีการปรับสมดุลของห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนไปอย่างมาก โดยเฉพาะการเพิ่มความยืดหยุ่นและกระจายความหลากหลายให้มากขึ้น เช่น ซัพพลายเออร์ สถานที่ผลิต การจัดเก็บและกระจายสินค้า เครือข่ายการจัดจำหน่าย ตลอดจนการคมนาคมขนส่ง เมื่อทั่วโลกได้ตระหนักและเล็งเห็นปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานโลกเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบความสัมพันธ์ของระบบนิเวศทางโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ธุรกิจโลจิสติกส์จึงต้องปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีใหม่ พัฒนาขั้นตอนการทำงาน ใช้แนวทางปฏิบัติที่ทันสมัย และมีแนวทางเชิงกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว พร้อมตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการปรับตัวและการแข่งขันของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอย่างทันท่วงที และสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างก้าวกระโดด เพื่อให้เกิดการเจริญเติบโตของธุรกิจและห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ลดความเสี่ยง และสร้างการแข่งขันได้ในระยะยาว
นอกจากนี้ รายงานจาก Gartner ยังเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการปรับตัวในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ว่า กว่า 50% ของบริษัทโลจิสติกส์และซัพพลายเชนต้องการลงทุนในเทคโนโลยีสำหรับการวิเคราะห์ขั้นสูง (Advanced Analytics) และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ภายในปี 2024 โดยมีตัวอย่าง 10 อันดับ แนวโน้มการใช้นวัตกรรมในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ปี 2567 จากข้อมูลเชิงลึกของ StartUs (startus-insights.com) ได้แก่ IoT, AI, Robotics, Last Mile Delivery, Warehouse Automation, Blockchain, Data Analytics, Cloud Computing, Autonomous Vehicle และ Elastic Logistics
และจากสถานการณ์ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ทั่วโลก ธุรกิจโลจิสติกส์กำลังลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการในคลังสินค้าและเครือข่ายการขนส่ง โดยพบ 4 แนวโน้มสำคัญของการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่โดดเด่นและจำเป็นสำหรับธุรกิจโลจิสติกส์และซัพพลายเชน ในปี 2024 ได้แก่
1.การใช้เทคโนโลยี AI
อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ถือเป็นผู้นำในด้านการใช้ระบบกระบวนการอัตโนมัติ (Process Automation) และการใช้ Artificial intelligence (AI) เช่น หุ่นยนต์ ยานยนต์ การขนส่ง รวมถึงในระบบไอทีและซอฟต์แวร์ ด้วยอัลกอริธึมและแบบจำลองที่สามารถวิเคราะห์และนำเสนอประเภทข้อมูลที่หลากหลายสนับสนุนการตัดสินใจ เป้าหมายคือ ทำงานสำเร็จเร็วขึ้น เปลี่ยนงานที่ทำซ้ำๆ ( Routine) ให้ระบบช่วยจัดการแทน หรือลดขั้นตอนการทำงานด้วยคนให้น้อยลง และลดข้อผิดพลาด
ระบบไอทีสำหรับการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ใช้ AI จะมีความสามารถในการบริหารจัดการและวางแผน เช่น การจัดสรรการใช้ทรัพยากรขนส่ง การเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเส้นทางการจัดส่ง ทำให้เห็นสาเหตุเบื้องหลังปัญหาที่ไม่เป็นไปตามแผนและคาดการณ์ความเป็นไปได้ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ เช่น ความล่าช้าหรือความเสี่ยงระหว่างการขนส่งจนถึงปลายทาง ตลอดจนช่วยปรับปรุงการสื่อสารแบบเรียลไทม์ระหว่างทีมโลจิสติกส์ เช่น การติดตามยานพาหนะขนส่งทำให้เห็นการขนส่งที่ออกนอกเส้นทางและสามารถใช้แชทบอท (Chatbot) หรือ ผู้ช่วยเสมือนจริง (Virtual Assistant) สื่อสารแบบเรียลไทม์ ทั้งนี้ AI จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ ทำให้รับรู้ข้อมูล (Visibility) ได้ตลอดกระบวนการภายในโลจิสติกส์ซัพพลายเชน และสามารถจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทันที
2.การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์
การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (Carbon Footprint For Organization: CFO) เป็นแนวโน้มการดำเนินการที่ขาดไม่ได้ในปี 2024 เนื่องจากผู้บริโภคทั่วโลกต้องการความรับผิดชอบต่อสังคมและความยั่งยืนของคุณภาพชีวิตแก่โลกของเรามากขึ้น ผลักดันให้ธุรกิจทั่วโลกรวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์ให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร เช่น การเผาไหม้ของเชื้อเพลิง การใช้ไฟฟ้า การจัดการของเสีย และการขนส่ง ดังนั้นธุรกิจโลจิสติกส์จึงลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้รถยนต์ไฟฟ้า การทำ Smart warehouse การใช้เทคโนโลยีบริหารการขนส่ง (Transportation Management System) จัดเส้นทางขนส่งที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงน้อยลง การตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ และการตรวจเช็คประสิทธิภาพและบำรุงรักษารถขนส่งอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงและลดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์จากความเสื่อมสภาพของเครื่องยนต์
3.การจัดการโลจิสติกส์แบบ Asset-Light Logistics
โมเดลโลจิสติกส์แบบ Asset-light เป็นแนวทางในการลดการพึ่งพาสินทรัพย์ในการดำเนินงาน ด้วยการจ้างบริษัทภายนอก (Outsource) ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนลดลงเมื่อเทียบกับการเป็นเจ้าของทรัพย์ด้วยตนเอง เช่น ยานพาหนะขนส่ง คลังสินค้า รวมถึงแรงงานที่ต้องใช้ในการดำเนินการ ทั้งนี้ จากข้อมูลสถิติความต้องการของบริษัทต่าง ๆ ต่อรูปแบบ Asset-Light Logistics ที่เพิ่มขึ้น พบว่า 67.5% ของบริษัททั่วโลก ใช้บริการบริษัทขนส่ง (2PL, 3PL) และ 63.5% ใช้บริการด้านคลังสินค้าจากบริษัทเอาท์ซอร์ส โดยหัวใจของเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์แพลตฟอร์มที่สำคัญ คือ จะต้องช่วยให้ธุรกิจต่างๆ สามารถมองเห็นและติดตามสินค้าของตนเองจากการขนส่งสินค้าโดยบริษัทเอาท์ซอร์สได้เช่นเดียวกับการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน และช่วยให้สามารถเลือกและระบุบริษัทเอาท์ซอร์สที่เหมาะสมกับเงื่อนไขและสินค้าที่จะว่าจ้างขนส่ง โดยให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านประสิทธิภาพ ข้อกำหนดด้านต้นทุน และวัตถุประสงค์ทางธุรกิจโดยรวม
4.เทคโนโลยีบนคลาวด์
ข้อดีของการใช้เทคโนโลยีบนคลาวด์ (Cloud-Based Technology) คือ การลดต้นทุนด้านโครงสร้างระบบพื้นฐานและฮาร์ดแวร์ เพิ่มความคล่องตัวในการปรับขนาดการใช้งานเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ง่าย รวดเร็ว และลงทุนต่ำ อย่างไรก็ตาม ธุรกิจควรเลือกโซลูชันเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบที่เกี่ยวข้องที่ใช้งานอยู่แล้วขององค์กรได้อย่างราบรื่น โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ทุกระบบ หรือไม่ต้องทำงานแยกระบบกัน เพื่อให้เกิดการทำงานแบบ Seamless Integration สามารถใช้ข้อมูลสำคัญร่วมกันและเชื่อมต่อข้อมูลภายใต้ระบบนิเวศเทคโนโลยีเดียวกันตลอดทั้งองค์กร เช่น การเชื่อมต่อระบบบริหารงานขนส่ง TMS เข้ากับระบบ ERP ระบบบัญชี หรือระบบบริหารจัดการคลังเพื่อให้เห็นภาพรวม พร้อมวางแผนและจัดการทรัพยากรและต้นทุนค่าใช้จ่ายร่วมกันทั้งระบบ เป็นต้น
“NOSTRA LOGISTICS ในฐานะผู้นำการให้บริการโซลูชันและแพลตฟอร์มด้านการขนส่งอัจฉริยะ (Intelligence Transportation Platform) เราพร้อมเดินหน้าพัฒนาและออกแบบสร้างสรรค์แพลตฟอร์มด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ตอบโจทย์รูปแบบการทำงานของโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่มีความหลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น ท้ายที่สุด NOSTRA LOGISTICS จะขอเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน เติมเต็มและพัฒนาระบบนิเวศภาพรวมของอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ ด้วยระบบการขนส่งอัตโนมัติ (Transportation Management System: TMS) ที่ครบสมบูรณ์ด้วยฟังก์ชันการทำงานสำหรับทุกกิจกรรมการขนส่ง ตั้งแต่การจัดการออเดอร์ขนส่ง จัดสรรการใช้รถขนส่งและการบรรทุกสินค้า บริหารจัดการเอาท์ซอร์สขนส่ง วางแผนเส้นทาง ติดตามการจัดส่ง ไปจนถึงงานซ่อมบำรุงรถ ด้วยเทคโนโลยีแบบ On-Cloud ที่สามารถเชื่อมต่อข้อมูล (System Integration) ระหว่างระบบไอทีต่าง ๆ ขององค์กรในแบบ Ecosystem เช่น TMS, ERP, WMS, ระบบบัญชี เพื่อนำข้อมูลงานขนส่งและต้นทุนค่าใช้จ่ายมาใช้ในการวิเคราะห์ วางแผน และสรุปผลการทำงานได้ตลอดการทำงานภายในองค์กร ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่าย และเพิ่มความสะดวกและความโปร่งใสของระบบงานขนส่งและโลจิสติกส์ ในปี 2024 นี้ เราพร้อมให้บริการและมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดอย่างสมบูรณ์และสร้างความพึงพอใจกับลูกค้าและผู้เกี่ยวข้องต่อไป” นางวรินทรกล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ NOSTRA LOGISTICS : www.nostralogistics.com
บริษัท จีไอเอส จํากัด โทร 02-116-4478 และ 02-116-4161
ข้อมูลอ้างอิง :
https://www.gartner.com/en/articles/gartner-predicts-the-future-of-supply-chain-technology