NOSTRA Logistics เผย 5 ความท้าทายของธุรกิจลอจิสติกส์ในสมรภูมิดิสรัปท์ชั่น

1. ด้านการลดต้นทุนการขนส่ง “เทคโนโลยีและข้อมูล” กำลังมีบทบาทครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของการบริหารจัดการงานขนส่งและกลุ่มรถในอุตสาหกรรมการขนส่งและลอจิสติกส์ ประโยชน์ที่เห็นชัดเจน คือ องค์กรที่สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดีกว่าจะได้เปรียบบนสนามแข่งขัน การใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และวางแผนงานจัดส่งสินค้าและบริหารบุคลากร เพื่อลดค่าใช้จ่ายสิ้นเปลืองต่าง ๆ จึงมีความสำคัญ ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านั้นต่างมีที่มาจากการวางแผนการวิ่งรถ เช่น การวางแผนการจัดสินค้าและการใช้รถ การเลือกเส้นทางขนส่งที่ใช้ระยะทางและเวลาน้อยที่สุด การขับรถในระดับความเร็วที่เหมาะสม เพื่อประหยัดน้ำมัน การขับรถถูกวิธีไม่เร่งกระชากหรือเร็วเกินกำหนด ก็ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลงได้มากและสามารถยืดเวลาและรักษาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้มีคุณภาพที่ยาวนานขึ้น 2. การบริหารจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล เทคโนโลยีและข้อมูลจะกลายเป็นฮีโร่ที่เข้ามาช่วยผู้ประกอบการธุรกิจขนส่งได้เกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ประเทศไทยได้มีการออกกฎเรื่องการติดตั้งจีพีเอสในรถโดยสารและรถขนส่งเพื่อติดตามและเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนมาได้ 2-3 ปีแล้ว ดังนั้นเทคโนโลยีจีพีเอสอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่บริษัทฯ พบว่าหลังจากที่ได้เปิดตัวเทคโนโลยีโซลูชัน NOSTRA Tele matics ซึ่งทำได้มากกว่าแค่การติดตามรถแบบจีพีเอสทั่วไป เมื่อปลายปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทขนส่งหลายแห่งให้ความสนใจและเริ่มนำเทคโนโลยีเทเลเมติกส์ (Telematics) เข้าไปทดลองใช้ในการจัดการงานขนส่ง โดยเทเลเมติกส์เป็นเทคโนโลยีที่ใช้สื่อสารระหว่างรถขนส่งสินค้าและผู้ควบคุมงานจัดส่ง สามารถรับและส่งข้อมูลต่าง ๆ เช่น ตำแหน่งรถ ความเร็วในการขับรถ การหยุดนิ่ง-จอด การเบรก การแซง ปริมาณน้ำมันที่เหลือ อุณหภูมิห้องเก็บความเย็น ฯลฯ นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยีอื่นร่วมด้วย เช่น Internet of Thing, Cloud Service และ Big Data Analytics เพื่อการรับ-ส่งข้อมูล การจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลในแบบเรียลไทม์ โดยจะได้แหล่งข้อมูลมหาศาล (Big Data) ที่สามารถนำมาวิเคราะห์ในทุกวันเพื่อการวางแผนการใช้รถและประเมินพฤติกรรมการขับรถเพื่อการปรับปรุงให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด […]

จีไอเอส เผยทริค Eco-driving ลดมลภาวะป้องกันฝุ่น PM 2.5 ยั่งยืน แนะโซลูชัน NOSTRA Telematics หนึ่งตัวช่วยลดมลพิษบนท้องถนน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในสาเหตุของปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ที่ปกคุลมเมืองอยู่ในขณะนี้ มากกว่า 50-60% มาจากการเผาไหม้ของน้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ดีเซลตามการเปิดเผยข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ  ซึ่งนอกจากจำนวนรถยนต์มหาศาลภายในเมืองที่ร่วมกันปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์เข้าสู่สิ่งแวดล้อมโดยตรงและปัจจัยร่วมอื่นๆ แล้วนั้น การขับรถและใช้รถที่ไม่ถูกวิธีก็มีส่วนทำให้เกิดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเกินความจำเป็นอันมีผลต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรงเช่นกัน ดังนั้น การร่วมกันแก้ปัญหานี้ในระยะยาว ทุกคนสามารถเริ่มได้ง่ายๆ จากการใช้รถของตนซึ่งแม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่เมื่อรวมกันแล้วสามารถเกิดผลกระทบที่ดีแก่สังคมโดยรวมได้มหาศาลการขับรถที่ไม่ปลอดภัยและไม่ถูกวิธีนั้น มีผลเสียมากกว่าที่เราคิด เพราะนอกจากจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้วยังทำให้เกิดการใช้น้ำมันหรือเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองเกินความจำเป็นและสร้างมลพิษทางอากาศอีกด้วย จากข้อมูลการศึกษาของค่ายรถยักษ์ใหญ่ยี่ห้อหนึ่งเกี่ยวกับพฤติกรรมการขับขี่ว่ามีผลต่อการใช้น้ำมันและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อกิโลเมตรอย่างไรระบุว่า ลักษณะนิสัยการขับขี่แบบ Eco-driving หรือ การขับขี่อย่างชาญฉลาดเพื่อประหยัดพลังงาน จะช่วยลดทั้งอัตราการใช้น้ำมันและการปล่อยไอเสียได้สูงสุดถึง 25 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการขับขี่แบบ “ค่าเฉลี่ยปกติ” โดยการเปลี่ยนแปลงวิธีการขับขี่เพียงเล็กน้อยจะสามารถประหยัดน้ำมันได้อย่างมากมายมหาศาล นอกจากนั้นผู้ใช้รถยนต์ควรใส่ใจดูแลรถยนต์ให้มีสภาพสมบูรณ์อย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ในท้องถนน แต่ยังเป็นกำลังสำคัญ ช่วยลดมลภาวะในอากาศและลดการใช้เชื้อเพลิงอีกด้วย เช่น การทำความสะอาดไส้กรองสม่ำเสมอ ไส้กรองอากาศที่ไม่สะอาดจะทำให้อากาศผ่านได้น้อยหรือเกิดการอุดตัน เป็นเหตุให้รถยนต์ใช้เชื้อเพลิงมากกว่าปกติ และยังทำให้เกิดควันดำจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ได้ การทำความสะอาดไส้กรองสามารถทำได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ด้วยการเป่าด้วยลมจากด้านใน เพื่อให้ฝุ่นที่จับบนไส้กรองหลุดออกมาด้านนอก ทั้งนี้ ควรทำความสะอาดไส้กรองตามที่คู่มือการใช้รถกำหนด หรือเมื่อตรวจพบว่าไส้กรองไม่สะอาด โดยอาจสังเกตจากอัตราการใช้น้ำมันที่เปลืองกว่าปกติ รวมถึงควรตรวจเช็คและเปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่นตามระยะที่ระบุไว้ในคู่มือการใช้รถ หรือก่อนกำหนด เพราะน้ำมันหล่อลื่นที่มีสิ่งสกปรกเข้าไปผสมอยู่ทำให้คุณภาพการทำงานของน้ำมันเสื่อมลง ซึ่งจะส่งผลให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติ และกำลังของเครื่องยนต์ลดลงด้วย ในขณะที่มีการดึงน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปกระตุ้นให้เครื่องยนต์ทำงานได้ในระดับเดิม เป็นผลให้ใช้น้ำมันโดยสิ้นเปลือง ด้านผู้ขับขี่เองแม้ว่าจะอยู่ในรถก็ยังไม่ปลอดภัยจากปัญหาเรื่องฝุ่นละอองขนาดเล็ก เนื่องจากอากาศในรถยนต์เป็นระบบปิด เมื่อมีการเปิด-ปิดประตูก็มีโอกาสสูงที่ฝุ่นละอองจะเข้ามาในห้องโดยสาร ผู้เดินทางควรศึกษาข้อมูลค่ามลพิษในพื้นที่เดินทางเพื่อพิจารณาหลีกเลี่ยงหรือเตรียมรับมือ  โดยมีแอปพลิเคชันที่ให้บริการข้อมูลตรวจเช็คค่าฝุ่นละอองในจุดต่าง ๆ เช่น NOSTRA […]

มาทำความรู้จัก! “เทเลเมติกส์” เทคโนโลยียุค 4.0 ผู้ช่วยสำคัญธุรกิจยานยนต์และโลจิสติกส์

ในยุค Digital Transformation เช่นนี้ เทคโนโลยีกลายเป็นเครื่องมือสำคัญของทุกอุตสาหกรรม ไม่เว้นแม้แต่ภาคธุรกิจยานยนต์และการขนส่ง ซึ่งมีการนำเครื่องมือหลากหลายประเภทเข้ามาใช้งาน ทั้งการพัฒนาประสิทธิภาพ การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล กระทั่งล่าสุด ก็มาถึงการใช้ Big Data จากเทคโนโลยี “เทเลเมติกส์” (Telematics) ซึ่งกำลังจะกลายเป็นหัวใจสำคัญต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และการขนส่ง ท่ามกลางยุค IoT ที่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ถูกเชื่อมโยงกับอินเทอร์เน็ต และ Big Data ไว้ด้วยกัน และเมื่อเทคโนโลยี เทเลเมติกส์ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการกลุ่มรถ การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ นอสตร้า โลจิสติกส์ (NOSTRA Logistics) ในฐานะผู้ให้บริการโซลูชันจัดการงานขนส่งและโลจิกติกส์ ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัท จีไอเอส จำกัด ในเครือบริษัท ซีดีจี ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจว่า “เทคโนโลยี Telematics และ IoT สามารถนำมาใช้ประโยชน์ที่สำคัญที่สุด 2 ประการ คือ ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน และการบำรุงรักษายานยนต์ชะลอความสึกหรอของเครื่องยนต์” วิวัฒนาการเทคโนโลยี ไม่ได้มีประโยชน์แค่ “ธุรกิจ” แต่ “ลดอุบัติเหตุ” ได้ด้วย ใครจะเชื่อว่า “เทเลเมติกส์” และ “IoT” […]

IoT ตอน 2 : เมื่อโลกเชื่อมต่อความปลอดภัยบนท้องถนนผ่านเทคโนโลยีที่เรียกว่า Telematics

จากบทความที่แล้ว (จับตา อุตสาหกรรมขนส่งและยานยนต์ เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี Internet of Things (IoT) อย่างไร) ได้เล่าถึงความเกี่ยวข้องระหว่างอุตสาหกรรมยานยนต์ และเทคโนโลยี Telematics ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการสื่อสารข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ภายในเครือข่ายก่อนที่สังคมจะเข้าสู่ยุค Internet of Things (IoT) ในบทความนี้ จะมาดูกันต่อว่าเมื่อนำความอัจฉริยะของ Telematics และ IoT มาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และรถขนส่ง สามารถเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างประโยชน์ได้มากมายเพียงใด แม้ว่าการให้พนักงานขับรถเข้าอบรมการขับขี่ปลอดภัยจะเป็นพื้นฐานแรกเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและช่วยลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่ด้วยเทคโนโลยี Telematics สามารถทำได้มากกว่า ทั้งเพิ่มความปลอดภัยในการขับรถและลดการสูญเสียทรัพยากรเพื่อการบำรุงรักษารถอีกด้วย การใช้ Telematics สามารถตรวจสอบและควบคุมพฤติกรรมของผู้ขับรถ และนำผลที่ได้มาพัฒนาปรับปรุงการขับรถให้ปลอดภัยมากขึ้น พฤติกรรมการขับรถที่ไม่ปลอดภัย เช่น การเร่งความเร็วกะทันหัน เบรกกะทันหัน เปลี่ยนเลนกะทันหัน และการขับรถด้วยความเร็วสูง เป็นต้น อุปกรณ์ Fatigue Monitoring System เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ Telematics ที่ใช้ Image processing ช่วยแก้ปัญหาความประมาทและอาการหลับในได้ดีที่สุด โดยตรวจจับใบหน้าของผู้ขับรถ เพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้า และการละสายตาออกจากถนน รวมถึงช่วยป้องกันการหลับใน เมื่อตรวจจับพบความผิดปกติบนใบหน้าของผู้ขับรถอุปกรณ์จะแจ้งเตือนให้ผู้ขับรู้ตัวเพื่อระมัดระวัง […]